วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เทคโนโลยีกับงานประดิษฐ์

การทำงานโดยใช้เทคโนโลยี เป็นการเพิ่มคุณภาพในการทำงานและผลผลิตให้ดีมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีกับงานประดิษฐ์นั้น จะทำให้เราสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ในการสร้างงานได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม



เทคโนโลยี หมายถึง วิทยาการที่เกี่ยวกับศิลปะในการนำเอาวิทยาศาสตร์ประยุกต์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติและอุตสาหกรรม เทคโนโลยีจึงเป็นการนำความรู้หลายรูปแบบทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการสร้างหรือประดิษฐ์สิ่งของ โดยเน้นการเพิ่มคุณภาพในกระบวนการทำงานและผลผลิตเป็นสำคัญ

ประโยชน์ของเทคโนโลยี
1. ช่วยให้การทำงานบรรลุผลตามเป้าหมายได้อย่างเที่ยงตรงและรวดเร็ว
2. ได้ผลผลิตที่มีปริมาณมากและมีคุณภาพตามต้องการ
3. เป็นการประหยัดเวลาและแรงงานในการทำงาน เพื่อการลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมาก




เทคโนโลยีที่ใช้ในงานประดิษฐ์
1. เครื่องจักรกล ส่วนใหญ่นำมาใช้ในการผลิตวัตถุดิบต่างๆ ทำงานโดยใช้กลไกทางธรรมชาติหรือกลไกที่มนุษย์สร้างขึ้น
1.1) เครื่องจักรกลธรรมชาติ เช่น ภูเขา แม่น้ำ ที่ราบ เกาะ ทุ่งหญ้า พืช สัตว์ น้ำ อากาศ ดิน หิน แร่ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้สามารถนำมาแปรสภาพเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้วัตถุดิบหรือวัสดุต่างๆ มีคุณภาพตามที่ต้องการ เช่น การใช้น้ำดินสอช่วยทำให้กระจูดมีความเหนียว ไม่เปราะก่อนนำไปสาน เป็นต้น
1.2) เครื่องจักรกลพื้นบ้าน หรือเทคโนโลยีพื้นบ้าน เป็นเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยมากไม่มีเครื่องยนต์กลไกควบคุมการทำงาน แต่อาจจะใช้พลังงานคน สัตว์ หรือพลังงานธรรมชาติ เช่น น้ำ ลม แสงอาทิตย์ แรงโน้มถ่วงของโลก เป็นต้น ได้แก่ เครื่องรีดผักตบชวา เลียดใบลาน เครื่องผ่าไม้ไผ่ เป็นต้น


1.3) เครื่องยนต์ เป็นเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยความรู้ความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ ให้เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยในการทำงานเพื่อเพิ่มปริมาณและคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น เครื่องยนต์เหล่านี้ต้องมีการใช้พลังงานต่างๆ ทั้งน้ำมัน ความร้อนจากแสงอาทิตย์ ไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ฯลฯ ช่วยในการขับเคลื่อนกลไลต่างๆ ได้แก่ เทคโนโลยีการทอผ้า เทคโนโลยีกาผลิตบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น




1.4) เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเทคโนโลยีระดับสูง มีความสลับซับซ้อน ละเอียดอ่อน แต่ให้ผลที่แม่นยำและน่าเชื่อถือ ได้แก่ เครืองใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เครืองมืออิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด และเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

2. แบบผลิตภัณฑ์ เป็นเทคโนโลยีสำเร็จรูปอีกกลุ่มหนึ่งที่สร้างขึ้นโดยการสร้างแบบขึ้นมาหลายลักษณะ เพื่อสร้างงานให้ออกมามีมาตรฐาน คือ มีความเหมือน ในด้านรูปร่าง ลักษณะ และขนาดของผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังสามารถควบคุมคุณภาพและราคาได้อีกด้วย สามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
2.1) แบบหล่อ เป็นการทำต้นแบบขึ้นมาสำหรับใช้หล่อสิ่งของให้มีขนาด และลักษณะเดียวกัน
2.2) แบบทาบ สร้างขึ้นจากผลิตภัณฑ์แม่แบบ โดยการทาบและร่างแม่แบบเอาไว้เพื่อนำมาทาบเป็นงานชิ้นต่อไป



2.3) แบบพิมพ์ แบบที่ใช้พิมพ์ภาพ  พิมพ์ตัวหนังสือ พิมพ์สัญลักษณ์ ซึ่งได้จากต้นแบบ

2.4) แบบโครงสร้างเหมือน แบบที่เกิดจากการลอกเลียนรูปแบบให้เหมือนกับต้นฉบับ






3. กระบวนการผลิต ขั้นตอนของการผลิตที่มีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งขนาด คุณภาพเหมือนกันทุกครั้งที่มีการผลิต ในกระบวนการผลิตแต่ละขั้นตอนนั้น จะต้องมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการหลากหลายเทคโนโลยี ซึ่งแต่ละขั้นตอนนั้นจะมีการใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน




การเลือกใช้เทคโนโลยีในงานประดิษฐ์
1. เลือกให้เหมาะสมกับรูปแบบผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด
2. เลือกใช้สิ่งที่สร้างขึ้นได้ง่ายโดยการใช้วัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่น
3. ราคา ต้องเหมาะสมกับคุณภาพและศักยภาพของเทคโนโลยีนั้นๆ
4. มีศักยภาพในการทำงานสูงและให้ผลผลิตในปริมาณมาก
5. ใช้งานและเก็บรัาาได้ง่าย ไม่มีความยุ่งยากสลับซับซ้อน
6. แก้ไขได้ง่าย เมื่อเกิดความชำรุดเสียหาย แต่หากเป็นกรณีที่มีความเสียหายที่อันตราย จะต้อมมีช่างผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาและบริการ
7. เทคโนโลยีต้องไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น